ครบแล้วเสียงหนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ – หมดทางปิดสวิตช์ ส.ว.
วันที่ 13 พ.ค. หลังจากที่พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.1 คน รวมตัวกัน 11 พรรค ประกาศจุดยืนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและพร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้การจับขั้วอย่างเป็นทางการของฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ขยับไปอยู่ที่ 132 เสียง
ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 115 เสียง, รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง, ประชาชนปฏิรูป 1 เสียง และอีก 11 พรรค 11 เสียง ที่ประกาศล่าสุด คือ พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคประชานิยม พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม
![](https://site-assets.mediaoxide.com/workpointnews/2019/05/13161546/1557738942_54223_11_190513_0015-1024x682.jpg)
อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับหนังสือแสดงความจำนงร่วมรัฐบาลจากตัวแทน 11 พรรคการเมือง
แม้จะยังไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร 250 เสียง แต่ก็มากพอสำหรับโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะใช้เสียงกึ่งหนึ่งของ 2 สภา (ส.ส. 500 เสียง / ส.ว. 250 เสียง) รวมกัน คือ 376 จาก 750 เสียง
![](https://site-assets.mediaoxide.com/workpointnews/2019/04/30203204/1556631121_46792_1-1024x538.jpg)
ถ้าเป็นไปตามการคำนวณก่อนหน้านี้ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่หัวหน้า คสช. คือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้เลือกในขั้นตอนสุดท้าย ลงคะแนนไปทางเดียวกันทั้ง 250 เสียง ก็ต้องการเสียง ส.ส.อีก 126 เสียง ซึ่งล่าสุดขั้วพลังประชารัฐ รวมไปได้แล้ว 132 เสียง จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
การดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐต่อจากนี้ คือ การรวบรวมเสียง ส.ส. ให้เกิน 250 เสียงเพื่อให้รัฐบาลทำงานไปได้อย่างราบรื่น และเกิดความชอบธรรม
![](https://site-assets.mediaoxide.com/workpointnews/2019/03/27114559/1553661956_62034_64-1024x538.jpg)
ขณะที่ฝั่งของฝ่ายต่อต้านอำนาจ คสช.ที่รวมตัวกัน 7 พรรค 245 เสียง ประกอบด้วย เพื่อไทย 136 เสียง, อนาคตใหม่ 80 เสียง, เสรีรวมไทย 10 เสียง, ประชาชาติ 7 เสียง, เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง, เพื่อชาติ 5 เสียง และพลังปวงชนไทย 1 เสียง
ความพยายามก่อนหน้านี้ของ พรรคอนาคตใหม่ คือ จะเจรจาให้พรรคการเมืองร่วมกันปิดสวิตช์ ส.ว. คือ ส.ส. ร่วมกันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเอง โดยต้องได้ 376 เสียง จึงเท่ากับหมดโอกาสตามไปด้วย
เพราะเมื่อรวมกับอีก 6 พรรคที่ยังไม่ประกาศจุดยืนทางการ 121 เสียง คือ ประชาธิปัตย์ 52 เสียง, ภูมิใจไทย 51 เสียง, ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, ชาติพัฒนา 3 เสียง, พลังท้องถิ่นไท 3 เสียง, และ รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง จำนวนสูงสุดที่จะได้คือ 366 เสียง ไม่พอสำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ใช้เสียง ส.ว. (โดยที่ในกลุ่ม 6 พรรคนี้ ก็มีบางพรรคที่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมกับขั้วพลังประชารัฐด้วย)
ทางออกที่ยังเหลืออยู่จึงน่าจะอยู่ที่การร้องเรียนเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีผลให้ 11 พรรคการเมือง ที่ได้ ส.ส.ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 71,000 คะแนน ได้รับการจัดสรร ส.ส.ด้วย
แต่จะทันหรือไม่กับการเปิดประชุมสภา เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นลำดับต่อไป
HOME PAGE
อ้างอิง https://workpointnews.com
HOME PAGE
อ้างอิง https://workpointnews.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น